วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review/แนะนำการใช้งาน1โปรแกรม

http://zaa.sanphun.co.th/images/support/support6102553171318.jpg
         
วันนี้เราจะมารู้จักโปรแกรมชนิดหนึ่งที่เรานิยมใช้มันในการติดต่อสื่อสาร ทุกคนคงจะไม่ทราบว่าโปรแกรมที่กล่าวถึงนั้นคืออะไร ถ้าอย่างนั้นเรามารู้จัก Gmail กันเถอะ
Gmail
คือ บริการฟรีอีเมล์ของเว็บไซต์ Google.com ซึ่งมีความพิเศษเหนือกว่าฟรีอีเมล์อื่นๆ ตรงที่ Gmail สามารถเก็บข้อมูลได้มากถึง 2500 MB เลยทีเดียว รวมทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมรับ - ส่งอีเมล์อย่าง Outlook Express หรือ Microsoft Outlook ได้อีกด้วย
ทำยังไงถึงจะได้ใช้ Gmail ??
หากต้องการใช้ Gmail เราต้องให้คนที่ใช้ Gmail อยู่ก่อนแล้ว ทำการส่งอีเมล์ Invite(เชื้อ-เชิญ) มาหาเรา หรือ จะไปโพสของ Invite Gmail ก็ได้โดยคลิกที่นี่ เมื่อได้ Gmail มาเรียบร้อยแล้วเราต้องทำการสมัครเป็นสมาชิกเสียก่อน จึงจะสามารถใช้ Gmail ได้
ขั้นตอนการสมัคร
1. หลังจากที่มีคนส่ง Invite ให้เราแล้วจะพบว่ามีอีเมล์ส่งเข้ามาเชื้อเชิญ

2. เมื่อ คลิกเข้าไปที่ Link จะเป็นภาษาอังกฤษ สามารถเปลี่ยนการใช้งานเป็นภาษาไทยได้ ทางขวามือ
3. กรอกรายละเอียดในส่วนต่างๆ ให้เรียบร้อย
4. สามารถเช็คได้ว่า Login Name ที่เลือกใช้ ซ้ำกับรายชื่อสมาชิกที่มีอยู่เดิมหรือไม่ โดยคลิ๊กที่ปุ่ม “ Check availability ” ดังรูป
ถ้า Login Name ที่เลือกใช้ ซ้ำกับรายชื่อสมาชิกที่มีอยู่เดิม ให้เปลี่ยนอีเมล์ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจออีเมล์ที่ว่าง
5.หลังจากเสร็จสิ้นการสมัครสมาชิกแล้ว ผู้ใช้สามารถเข้า Sing in เพื่อเข้าใช้งานได้ที่ http://mail.google.com ก็จะพบหน้าต่างของการใช้งาน Gmail ดังภาพ

การใช้งานเบื้องต้น
1.การส่งจดหมาย ( Compose )
1. คลิกปุ่ม เขียนจดหมาย
2. ใส่ชื่ออีเมล์ของผู้รับ (1) > ใส่หัวข้ออีเมล์( 2) > พิมพ์เนื้อหาอีเมล์( 3) > ปรับแต่งข้อความ (4) > คลิกปุ่ม ส่ง เพื่อส่งอีเมล์ ( 5)
2. การรับและอ่านอีเมล์ (Receive)
1. คลิกที่ กล่องจดหมาย (1) > คลิกที่อีเมล์ที่ได้รับ( 2)
2. อ่านข้อความในจดหมาย
3. การตอบจดหมาย ( Reply and Reply All )
1. เมื่ออ่านอีเมล์เสร็จแล้วหากต้องการตอบกลับ คลิกปุ่ม ตอบ ( เป็นการตอบกลับไปยังเฉพาะผู้ส่ง
อีเมล์ฉบับนี้) หรือ Reply All ( เป็นการตอบกลับไปยังผู้ส่งอีเมล์ฉบับนี้และบุคคลทั้งหมดที่ได้รับอีเมล์ฉบับนี้)
2. พิมพ์ข้อความตอบกลับ( 1) > คลิกปุ่ม ส่ง เพื่อส่งอีเมล์( 2)
4. การส่งต่ออีเมล์ ( Forward )
1. เมื่ออ่านอีเมล์แล้ว หากต้องการ ส่งต่อข้อความนั้นๆ ให้บุคคลอื่น ให้เลือกที่ ส่งต่อ
2. ใส่อีเมล์ของผู้รับ( 1) > คลิกปุ่ม ส่ง (2)
5. การส่งสำเนา CC ( Carbon Copy )
เป็นการส่งสำเนาอีเมล์ให้แก่บุคคลอื่นนอกเหนือจากผู้รับในช่อง ถึง โดยให้ผู้ส่งใส่ E-mail ของผู้ที่ต้องการส่งสำเนาถึงในช่อง เพิ่ม Cc”
หรือจะคลิก เพิ่ม Cc” เพื่อเลือกรายชื่อเพื่อน จาก Address book ก็ได้ เมื่อเรียบร้อยแล้วคลิกปุ่ม ส่ง
6. การส่งสำเนาซ่อน BCC ( Blind Carbon Copy )
เป็นการส่งข้อความเหมือน  cc  แต่ใช้ในกรณีที่เราไม่ต้องการให้ผู้รับเมล์รู้ว่าเราส่งให้ใครบ้าง E-mail ที่ใส่ในช่องนี้จะถูกปิดเป็นความลับไว้ ใส่รายชื่ออีเมล์ที่ต้องการส่งถึง โดยการใส่อีเมล์แอดเดรสของเพื่อนในช่อง “ Bcc ” หรือจะคลิก เพิ่ม Bcc” เพื่อเลือกรายชื่อเพื่อน จาก Address book ก็ได้ เมื่อเรียบร้อยแล้วคลิกปุ่ม ส่ง
7. การลบอีเมล์ ( Delete Mail )
ก่อนอื่นผู้ใช้ต้องทำการคลิกเลือกอีเมล์ ที่ต้องการจะลบก่อน จากนั้นให้คลิกหัวข้อ การทำงานอื่นๆ และเลือก ย้ายไปถังขยะ
8. การจัดการ Address book
1. สามารแก้ไขข้อมูลรายชื่อของเพื่อนๆ ใน Address book โดยคลิกที่เมนู ที่อยู่ติดต่อ
2. เลือกอีเมล์ที่ต้องการแก้ไขข้อมูล โดยการ Click ที่ชื่อที่ต้องการแก้ไข
3. เลือก แก้ไขข้อมูลที่ติดต่อ ดังรูป
4. สามารถแก้ไขรายละเอียดได้ทันที
•  แก้ไขชื่อ ตามที่ต้องการ
•  แก้ไข E-mail Address
•  สามารถใส่รายละเอียดเพิ่มเติม
•  สามารถใส่รายละเอียดของข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เพิ่มข้อมูลที่อยู่ติดต่อ เรียบร้อยแล้วกด บันทึก
9. การเพิ่มอีเมล์ใน Address Book
1. สามารถเพิ่มอีเมล์เพื่อนได้ที ที่อยู่ติดต่อ
2. เลือก เพิ่มที่ติดต่อ
3. ใส่รายละเอียดของอีเมล์คลิกปุ่ม บันทึก
10.การค้นหาอีเมล์ใน Address Book
ใส่ชื่ออีเมล์ หรือ คำที่ต้องการค้นหา จากนั้นคลิกปุ่ม ค้นหาจดหมาย
11. จัดการ Spam ( Junk Mail )
เลือกอีเมล์ที่ผู้ใช้ไม่ต้องการ คลิก รายงาน จดหมายขยะ
12. การทำลายเซ็น (Signature)
เลือก การตั้งค่า ใส่ชื่อของเราหรือข้อความที่ต้องการ จากนั้นกด บันทึกการเปลี่ยนแปลง
13. การส่ง Invite Gmail (บัตรเชิญ) ให้เพื่อน
สำหรับเพื่อนที่ต้องการอยากเชื้อเชิญให้เพื่อนๆ มาเล่น Gmail เราก็เพียงเชื้อเชิญเค้ามาสมัคร โดยการใส่ E-mail Address ของเพื่อนในช่อง เชิญเพื่อน เมื่อเรียบร้อยแล้วกด ส่งคำเชิญ
14. ตรวจสอบขนาดพื้นที่ Mailbox
สามารถดูได้จาก ด้านล่างของ Mail ว่าใช้พื้นที่ไปแล้ว เป็นจำนวนเท่าใด
15. ป้ายกำกับ
สามารถเพิ่มป้ายกำกับได้ที่ ป้ายกำกับ (1) > ใส่ ข้อความ หรือ ชื่อ ที่ผู้ใช้ต้องการให้เป็น ป้ายกำกับ (2) > คลิก บันทึกการเปลี่ยนแปลง (3)
รูปแสดงตัวอย่างการใช้ ป้ายกำกับ
16. ติดดาว
เลือกอีเมล์ที่ผู้ใช้ต้องการ ติดดาว (1) > จากนั้นให้คลิกหัวข้อ การทำงานอื่นๆ และเลือก เพิ่มดาว (2)
รูปแสดงตัวอย่างการใช้ ติดดาว


ที่มา http://www.kapook.com/google/gmail/

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

https://supawannuannil.files.wordpress.com/

ความหมายของการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล เป็นกระบวนการถ่ายโอนข้อมูล/สารสนเทศจากแหล่งกำเนิดข่าวสารผ่านสื่อกลาง เพื่อส่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
ส่วนประกอบของระบบการสื่อสารข้อมูล (Components of Data Communication System)
-ข่าวสาร (Message) ข้อมูลหรือสารสนเทศที่อาจเป็นข้อความ ตัวเลข เสียง และวิดีโอ
-ผู้ส่ง (Sender/Source) อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับส่งข่าวสาร เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์
-ผู้รับ (Receiver/Destination) อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับรับข่าวสาร เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์
-สื่อกลางส่งข้อมูล (Transmission Medium) เช่น สายไฟเบอร์ออปติก หรือคลื่นวิทยุ เป็นต้น
-โพรโทคอล (Protocol) กลุ่มของกฎเกณฑ์และข้อปฏิบัติต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นมา เพื่อนำมาใช้เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับเพื่อให้การสื่อสารบรรลุผล
การสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication)
การสื่อสารโทรคมนาคม หมายถึง การสื่อสารระยะไกล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแลกเปลี่ยนสารสนเทศ เกี่ยวข้องกับการใช้งานเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Transmitters) เช่น โทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในยุคปัจจุบันถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติเป็นอย่างมาก โดยจะพบว่าประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนแต่มีระบบการสื่อสารโทรคมนาคมที่ก้าวหน้าและทันสมัย ที่มีส่วนสำคัญต่อการผลักดันธุรกิจต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจโลกในยุคนี้ทีเดียว
ความหมายของเครือข่าย
ในส่วนของ เครือข่ายหมายถึง เครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงกันในระยะใกล้ภายในพื้นที่เดียวกัน (Local) กับเครือข่ายที่เชื่อมโยงแบบระยะไกล (Remote) โดยเฉพาะเครือข่ายที่เชื่อมโยงแบบระยะไกลนั้น จำเป็นต้องพึ่งพาช่องทางการสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลระยะไกลได้
ตัวอย่างของการสื่อสารโทรคมนาคม
-โทรเลข (Telegraphy)
-โทรสาร (Facsimile)
-โทรศัพท์ (Telephone)
-โทรทัศน์ (Television)
-วิทยุกระจายเสียง (Radio)
-ไมโครเวฟ (Microwave)
-ดาวเทียม (Satellite)
https://boonyaratppt.files.wordpress.com/
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Networks)
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ การนำกลุ่มคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ มาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย โดยใช้สื่อกลางซึ่งเป็นสายเคเบิลหรือคลื่นวิทยุเป็นเส้นทางการลำเลียงข้อมูลเพื่อสื่อสารระหว่างกัน และการที่เครือข่ายสามารถเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียวได้ก็เพราะระบบปฏิบัติการเครือข่าย ซึ่งจัดเป็นซอฟต์แวร์ระบบที่สำคัญที่นำมาใช้เชื่อมโยงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เข้าด้วยกัน และทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรบนเครือข่ายอย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งานทรัพยากรร่วมกันบนเครือข่ายได้อย่างสะดวก

ก่อนจะเป็นเครือข่าย
Sneaker หมายถึง รองเท้าของบุคคลที่เดินไปคัดลอกสำเนาข้อมูล ดังนั้น Sneaker จึงหมายถึงเครือข่ายที่ใช้บุคคลในการเดินเท้าเพื่อถ่ายโอนข้อมูลนั่นเอง อย่างไรก็ตาม Sneakernet นั้นเป็นคำเปรียบเปรยเชิงล้อเล่นมากกว่าที่จะนำไปใช้เป็นศัพท์เชิงทางการ
ประโยชน์ของเครือข่าย
-การใช้ทรัพยากรร่วมกัน
-ช่วยลดต้นทุน
-เพิ่มความสะดวกในด้านการสื่อสาร
-ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของระบบ
http://www.thaigoodview.com/files/u9021/lmw.jpg
 ประเภทของเครือข่าย (Categories of Networks)
https://webppom.files.wordpress.com/2011/09/p0.jpg
เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network: LAN)
เครือข่ายท้องถิ่นเป็นเครือข่ายส่วนบุคคล ที่มีการลิงค์เชื่อมโยงระหว่างพีซีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อการใช้งานร่วมกัน เครือข่ายท้องถิ่นอาจมีเพียงพีซีคอมพิวเตอร์เพียง 2 เครื่องเพื่อใช้งานตามบ้านเรือน หรือเชื่อมโยงพีซีคอมพิวเตอร์เป็นร้อยเครื่องสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โดยจะครอบคลุมระยะทางไม่กี่กิโลเมตร
เครือข่ายท้องถิ่นหรือมักเรียกสั้น ๆ ว่า เครือข่ายแลน นั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่ออนุญาตให้สามารถแชร์ทรัพยากรบนเครือข่ายร่วมกันได้ เช่น การแชร์ข้อมูล โปรแกรม และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น
http://3.bp.blogspot.com/
เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network: MAN)
เป็นเครือข่ายที่มีขนาดระหว่างเครือข่ายแลนและเครือข่ายแวน ซึ่งปกติจะครอบคลุมพื้นที่ภายในเมืองหรือจังหวัด โดยเป็นเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อใช้งานเพื่อการสื่อสารความเร็วสูง
https://sirirat53.files.wordpress.com/2013/01/wan.jpg
เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network: WAN)

เครือข่ายระดับประเทศหรือเครือข่ายแวนสามารถส่งผ่านข้อมูลได้ระยะไกล  สามารถสื่อสารข้ามประเทศหรือข้ามทวีปได้ เครือข่ายแวนอาจมีสายแกนหลักจำนวนมากกว่าหนึ่งเส้นที่นำไปใช้เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต
นอกจากขนาดของเครือข่ายที่สามารถเชื่อมโยงได้ไกลข้ามประเทศอย่างเครือข่ายแวนแล้ว สื่อส่งข้อมูลที่ใช้ในเครือข่ายแวนก็มีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสายโทรศัพท์ สายเคเบิล รวมถึงการสื่อสารผ่านดาวเทียม เป็นต้น
https://gunoon75.files.wordpress.com/2010/09/e0b894.gif
อินเทอร์เน็ต (The Internet)
อินเทอร์เน็ตจัดเป็นเครือข่ายสาธารณะ (Public Network) ที่ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำ-เนินชีวิตปัจจุบันของมนุษย์ในยุคนี้ จึงทำให้รูปแบบธุรกิจเดิมที่เคยดำเนินการอยู่ จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบด้วยการใช้ช่องทางการจำหน่ายผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างทางเลือกและความสะดวกในด้านการบริการแก่ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือบริการผ่านทางเว็บไซต์ ทั้งนี้มิได้จำกัดเพียงลูกค้าภายในประเทศ แต่นั่นหมายถึงลูกค้าทั่วโลกที่สามารถเข้าใช้บริการนี้ผ่านทางเว็บไซต์
อินเทอร์เน็ตประกอบด้วยเครือข่ายที่หลากหลาย ดังนั้นอุปกรณ์ที่เรียกว่า เร้าเตอร์ (Router) จึงถูกนำมาใช้เพื่อการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายเข้าด้วยกัน เร้าเตอร์จัดเป็นอุปกรณ์สำคัญของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทีเดียว เพื่อใช้สำหรับกำหนดเส้นทางบนเครือข่าย
นอกจากนี้ระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น มีค่อนข้างหลากหลายและอาจมีแพลตฟอร์ม (Platform) ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านสถาปัตยกรรมของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้อุปกรณ์อย่าง เกตเวย์ (Gateway) จึงถูกนำมาใช้งานเพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสามารถสื่อสารร่วมกันเป็นเครือข่ายเดียวกันได้
http://1.bp.blogspot.com/
การเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์(Computer Networks-Basic Configurations)
ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในมุมมองเชิงกายภาพ ที่แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมต่อในลักษณะต่าง ๆ และโดยปกติเราสามารถพบเห็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อในมุมมองต่าง ๆ ได้จากการสังเกตตามองค์กรหรือหน่วยงาน หรือจากการใช้งานประจำวันไม่ว่าจะที่บ้าน สำนักงาน หรือสถาบันการศึกษา โดยการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่าง ๆ มีดังนี้
1. ไมโครคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายท้องถิ่น (Microcomputer-to-LAN Configurations)
เราสามารถพูดได้ว่าในปัจจุบันนี้ การเชื่อมต่อไมโครคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของเครือข่ายท้องถิ่นนั้น สามารถพบเห็นได้ตามสำนักงานทั่วไป ทั้งนี้เครือข่ายท้องถิ่นจัดเป็นเครื่องมือที่ดีเยี่ยมสำหรับการแชร์ใช้งานโปรแกรม ข้อมูล และอุปกรณ์ได้เป็นอย่างดี
ด้วยอัตราการใช้งานไมโครคอมพิวเตอร์ และการนำมาเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายท้องถิ่นจำนวนมาก จึงทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเครือข่ายท้องถิ่นมีอัตราความเร็วในการส่งข้อมูลสูงคือ ตั้งแต่ 100 เมกะบิตต่อวินาที (100 Mbps) จนถึงระดับกิกะบิตต่อวินาที (1 Gbps)
2. ไมโครคอมพิวเตอร์กับอินเทอร์เน็ต (Microcomputer-to-Internet Configurations)
จากการเติบโตของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และกระแสการใช้งานไมโครคอมพิวเตอร์ตามบ้านพักอาศัยมีจำนวนมากขึ้น ดังนั้นการนำไมโครคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจึงมีอัตราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้ตามบ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีระบบ ADSL ที่กลุ่มลูกค้าตามบ้านพักอาศัยสามารถมีทางเลือกในการใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ โดยอัตราความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลมีได้ตั้งแต่ Mbps แต่การใช้บริการระบบ ADSL ได้นั้น บริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) จะต้องมีการติดตั้งระบบดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการใช้งานด้วย ลูกค้าตามบ้านักอาศัยจึงสามารถใช้บริการได้ ที่สำคัญการบริการ ADSL จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือน และสามารถเชื่อมโยงใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
3. เครือข่ายท้องถิ่นกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (LAN-to-Internet Configurations)
อุปกรณ์ที่เรียกว่า เร้าเตอร์ (Router)” จัดเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะต้องนำมาใช้เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายทั้งสอง ถึงแม้ว่าอุปกรณ์สวิตช์หรือบริดจ์จะสามารถนำมาใช้เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายได้เช่นกัน แต่หลักการทำงานจะแตกต่างกัน โดยเฉพาะเร้าเตอร์จะมีขีดความสามารถในการจัดการเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่รับส่งกันระหว่างเครือข่ายจำนวนมากที่เชื่อมต่อกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี และมีหลักการทำงานที่ซับซ้อนกว่าอุปกรณ์อย่างบริดจ์และสวิตช์
4. ดาวเทียมและไมโครเวฟ (Satellite and Microwave)
เทคโนโลยีดาวเทียมและไมโครเวฟ จัดเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมและนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย ซึ่งหากระยะทางระหว่างสองเครือข่ายไกลกันมาก และยากต่อการเดินสายสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อระหว่างกัน หรือแทบจะเชื่อมโยงผ่านสายไม่ได้เลยเนื่องจากปัญหาด้านภูมิศาสตร์ ดังนั้นการส่งผ่านข้อมูลด้วยการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและไมโครเวฟจึงเป็นแนวทางหนึงที่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งสองให้สามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการนำมาประยุกต์ใช้เพื่องานแพร่ภาพทีวีผ่านดาวเทียม โทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ GPS และวิดีโอคอนเฟเร็นซ์
5. โทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Telephone)
ตัวอย่างของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่นำมาใช้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ไร้สายผ่านสายเคเบิล-   หรือบลูทูธ (Bluetooth) การส่งผ่านข้อมูลจากโทรศัพท์ไร้สายที่เชื่อมต่อกับโน๊ตบุ๊ค จะส่งไปยังศูนย์กลางโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Telephone Switching Center) ซึ่งศูนย์กลางนี้เองจะทำหน้าที่ช่วยในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างโน๊ตบุ๊คผ่านโครงข่ายโทรศัพท์สาธารณะ รวมถึงการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ที่มา http://www.skcc.ac.th/elearning/network/?p=5

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ข้อสอบ O-net คอมพิวเตอร์ 5 ข้อ

วันนี้เราจะมาดูข้อสอบO-net วิชาคอมพิวเตอร์ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กันนะค่ะ ซึ่งเป็นข้อสอบจริงปี 2550 เพื่อที่จะให้รู้แนวข้อสอบ นำไปใช้ในการอ่านหนังสือหรือทำข้อสอบมากขึ้นนะค่ะ
O-net .6  ปีพ.. 2550
1.สื่อกลางที่ใช้มากในการสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายแลนคือข้อใด
   1. สายคู่บิดเกลียว
   2. สายโคแอกเชียล
   3. สายเส้นใยนำแสง
   4. สายโทรศัพท์
ตอบข้อ 1 เพราะ สายคู่บิดเกลียวสามารถใช้ส่งข้อมูลจำนวนมากเป็นระยะทางไกลได้หลายกิโลเมตร เนื่องจากราคาไม่แพงมาก ใช้ส่งข้อมูลได้ดี น้ำหนักเบา ง่ายต่อการติดตั้ง จึงนิยมใช้งานอย่างกว้างขวาง
2.ข้อใดเป็นระบบปฏิบัติการทั้งหมด
   1. Unix , Mac OS , Microsoft Office
   2. Linux , Windows , Mac OS , Symbian
   3. PDA , WWW , Linux , Windows
   4. BIOS , Symbian , IPX , RAM
ตอบข้อ 2 เพราะข้อที่ 1 microsoft office ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
                          ข้อที่ 3 PDA และ WWW ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
                          ข้อที่ 4 BIOS,IPX และ RAM ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
3.ความละเอียดของจอภาพสามารถบอกได้ด้วยปัจจัยในข้อใด
   1. CRT
   2. Dot pitch
   3. Refresh rate
   4. Color quality
ตอบข้อ 2 เพราะ Dot pitch เป็นข้อกำหนดสำหรับจอภาพ ที่แสดงความคมชัดในการแสดงภาพ Dot pitch วัดเป็นมิลลิเมตร และตัวเลขที่น้อยกว่า หมายถึง ความคมชัดมากขึ้น 
4.ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อย่างไรจึงช่วยลดภาวะโลกร้อน
   1. ปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้งาน และพิมพ์งานเมื่อจำเป็น
   2. เลือกใช้จอแอลซีดีและปรับปรุงซอฟแวร์ให้ทันสมัย
   3. ใช้คอมพิวเตอร์วันละ 1 ชม. และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
   4. ไม่เชื่อมต่อระบบเครือข่ายและใช้เครื่องพิมพ์แบบ inkjet เท่านั้น
                ตอบข้อ 1 เพราะข้อ 2 ,3,4 ไม่ได้แสดงถึงอาการช่วยลดภาวะโลกร้อน
5.กระบวนงานในข้อใดเกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกเมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
   1. เช็คสถานะของฮาร์ดแวร์
   2. โหลดระบบปฏิบัติการเข้าสู่หน่วยความจำหลัก
   3. หน่วยประมวลผลกลางประมวลชุดคำสั่งในหน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้(RAM)
   4. หน่วยประมวลผลกลางประมวลชุดคำสั่งในหน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว(ROM)
                ตอบข้อ 4 เพราะเมื่อกดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีไฟฟ้าเลี้ยงเมนบอร์ด หน่วยประเมินผลกลางจะเริ่มต้นอ่านชุดคำสั่งไบออส (สั่งตรวจอุปกรณ์และโหลดระบบปฏิบัติการจากฮาร์ดดิสก์ไปที่แรม) ซึ่งบันทึกอยู่ที่รอม (หน่วยความหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว)





วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

20 ร้านกาแฟสไตล์เก๋ ๆ

สำหรับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่หรือแถบตัวอำเภอต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัดในปัจจุบันนั้น เนื่องมากจากจำนวนคนที่แออัด ทำให้พื้นที่เงียบและสงบมีจำนวนน้อย  เพื่อน ๆ หลายคนจึงมองหาสถานที่ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานในชีวิตประจำวัน อย่างร้านกาแฟ หรือคาเฟ่สไตล์เก๋ ๆ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะนั่งทำงาน นั่งอ่านหนังสือ จึงได้รวบรวมเอาร้านกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แถมยังสามารถนั่งอ่านหนังสือชิล ๆ ได้ด้วยมาฝากกันส่วนจะมีร้านไหนโดนใจ สะดุดตาจนน่าไปลิ้มลองเมนูกาแฟหอมกรุ่นกับเมนูของหวานกันบ้าง ลองตามไปชมกันเลย
1. Too Fast Too Sleep

 


มาเริ่มต้นกันที่ร้านแรกนั่นก็คือ ร้านกาแฟใจกลางเมืองกรุงสุดชิล ที่ตอบโจทย์ในทุกคำถาม เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสถานที่เงียบสงบนั่งอ่านหนังสือ หรือคิดไอเดียบรรเจิดในการทำงาน แถมยังเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย ตอบโจทย์คนที่ต้องนอนดึกหรือตื่นขึ้นมาทำงานดึก ๆ อ่านหนังสือดึก ๆ ได้เป็นอย่างดี สำหรับลักษณะของร้านให้ความรู้สึกเหมือนห้องสมุดขนาดใหญ่สไตล์อังกฤษที่หลุดออกมาจากในหนัง เน้นการใช้โทนสีน้ำตาลสีไม้อ่อนและสีน้ำเงินให้ความรู้สึกสบาย ๆ อบอุ่นเหมือนนอนอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน รวมไปถึงโต๊ะ เก้าอี้ หรือจะเลือกนั่งเบาะที่พื้น นอนเล่นที่โซฟา ที่นี่ก็มีพร้อมบริการทุกอย่างเช่นกัน สำหรับเมนูแนะนำของร้าน ได้แก่ เครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ เช่น กาแฟผสมนมช็อกโกแลต โรยหน้าด้วยผงช็อกโกแลต, กาแฟแบบมอคค่าใส่ช็อกโกแลต (ที่ให้ความก้ำกึ่งระหว่างกาแฟแบบลาเต้กับมอคค่า) และกระเจี๊ยบรูทเบียร์ ส่วนเมนูของหวานเป็นโฮมเมด ทำเอง คิดสูตรเอง อย่าง เครปเค้ก, เบเกอรี่, ช็อกโกแลตบราวนี่ เป็นต้น

           บริการ : Free Wifi และสามารถเสียบปลั๊กไฟได้ทุกจุดของร้าน
           เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง
           ที่อยู่ : 754 ถนนพระราม 4 ตรงข้ามจามจุรีสแควร์ กรุงเทพฯ
           โทรศัพท์ : 08 6300 9955
           เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Too Fast Too Sleep
                2. Aree Garden
โครงการ อารีย์การ์เด้น (Aree Garden) เป็นโครงการในย่านซอยอารีย์ ที่เป็นแหล่ง Hang out แห่งใหม่ของคนเมือง มีพื้นที่ขนาดกะทัดรัด 1 ไร่ ภายในโครงการเน้นไอเดียการตกแต่งและจัดวางแบบธรรมชาติ ด้วยการยกป่ามาไว้ในเมืองกรุงเลยก็ว่าได้ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ เพื่อให้เป็นที่สำหรับพักผ่อนคลายของชาวกรุง สำหรับร้านกาแฟภายในโครงการก็มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ชับบี้ช้างเบเกอรี่แอนด์กิ๊ฟช็อป (Chubby Chang's Bakery & Gift Shop) ร้านของคู่รักลูกครึ่งเยอรมันและอเมริกัน จัดเป็นมุมสำหรับทำอาหารและเบเกอรี ที่ทำกันสดๆ ในร้าน และยังมีมุมเล็ก ๆ สำหรับเด็กให้ระบายสีส่วนอีกมุมเป็นมุมกิ๊ฟช็อป พร้อมทั้งของไทยและต่างประเทศให้เลือก ร้านริซ่า ราโม่ (Risa Lamo) ร้านนี้มีโซนให้นั่งเล่นบริเวณชั้น 2 และบริเวณด้านหน้าใต้ร่มไม้, โพลก้าดอทคาเฟ่ (Polka dot cafe) ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโครงการอารีย์การ์เด้น เน้นการตะแต่งร้านด้วยโทนสีขาวดำและโดดเด่นที่เคาน์เตอร์บาร์ลายจุดขายดำ

           บริการ : Free Wifi
           เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการวันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 06.30-22.00 น. และวันศุกร์-เสาร์ เวลา 06.30-24.00 น.
           ที่อยู่ : ซอยอารีย์สัมพันธ์ 11 ตรงข้ามกระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ
           โทรศัพท์ : 0 2617 1599
           เว็บไซต์ : areegarden.com
3. Librarista

ร้านกาแฟกึ่งห้องสมุดหนึ่งเดียวในเชียงใหม่ที่ให้บริการทั้งกาแฟรสชาติอร่อย พร้อมด้วยของหวานอย่างเค้กและเบเกอรี่หลากหลายอย่าง โดยดัดแปลงบ้านให้มาเป็นร้านกาแฟสุดเก๋ ในบรรยากาศที่น่ารัก ภายในร้านแบ่งออกเป็น 4 โซน คือ โซนนอกร้าน สำหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศของการนั่งจิบกาแฟนั่งใต้ร่มไม้เย็น ๆ รับลมสบาย ๆ โซนภายในร้านที่เน้นการตกแต่งร้านแบบโมเดิร์น โซนห้องประชุม เป็นห้องสำหรับให้นักเรียน วัยรุ่น รวมทั้งวัยทำงานได้มีสถานที่สำหรับติวหนังสือ และโซนห้องสมุด ที่ถือเป็นจุดเด่นของร้านกาแฟแห่งนี้ เพราะเป็นห้องสมุดขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยหนังสือต่าง ๆ มากมาย แต่มีการจำกัดการใช้ห้องสมุดไว้ 2 ชั่วโมงต่อ 1 บิล เพราะทางร้านต้องการให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการกันอย่างทั่วถึง แต่ถ้าใครที่อยากยืมหนังสือกลับบ้านก็ได้เช่นกันเพราะทางร้านมีระเบียบการยืม-คืนหนังสือด้วย

          บริการ : Free Wifi
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
          ที่อยู่ : ถนนนิมานเหมินทร์ ซอย 5 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
          โทรศัพท์ : 0 5389 5678
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Librarista
4. The Third Place Club
Third Place Club ที่ตั้งขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ที่ว่า Mobile Office หรือสถานที่ที่รวมเอาบ้าน ที่ทำงาน และจุดนัดพบระหว่างเพื่อนไว้ในสถานที่แห่งเดียวกัน มีเครื่องดื่มและของว่างและมี อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงไว้บริการ คุณจะเพลิดเพลินและทำงานได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังเอาใจคอกาแฟและคลับสำหรับคนรุ่นใหม่ที่รักในการใช้ชีวิตอิสระ ตัวร้านมีลักษณะทรงสูงแบบกล่องสี่เหลี่ยม ส่วนวัสดุที่ใช้เป็นส่วนใหญ่เป็นปูน, เหล็ก, ไม้ และกระจก ผสมผสานในสัดส่วนที่พอดีกัน โดยดีไซน์ร้านแบบโมเดิร์นบวกกับความทันสมัย ถือเป็นร้านกาแฟดีไซน์เท่ๆ เหมาะกับการพักผ่อนและการทำงาน พร้อมด้วยเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็น พร้อมด้วยขนมต่าง ๆ ให้บริการอีกด้วย

          บริการ : สอบถามโดยตรงจากร้าน 
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น.
          ที่อยู่ : 137-137/1 ซอยทองหล่อ 10 อาคาร ชั้น 1 เดอะเทิร์ดเพลสแบงค็อก ถนนสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
          โทรศัพท์ : 027147929
          เว็บไซต์ : thirdplacebangkok.com และ เฟซบุ๊ก The Third Place Bangkok

5. The Bookshop
The Bookshop Cafe เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์เล็ก ๆ โดดเด่นด้วยการตกแต่งที่ชวนให้นึกถึงหนังเรื่อง  Alice in Wonderland แต่ก็ให้อารมณ์ละม้ายเข้าไปอยู่ใน Hogwarts ในหนังเรืองแฮรี่พอตเตอร์ อยู่เหมือนกัน ซึ่งร้านจะมีบรรยากาศสบาย ๆ น่านั่งจิบเครื่องดื่ม ภายในร้านตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น ด้วยเฟอร์นิเจอร์แปลกตา เพดานร้านที่ตกแต่งด้วยหนังสือห้อยย้อยลงมาดูสวยงามไปอีกแบบ ส่วนโซนที่นั่งมีการจัดวางแบบผสมผสานระหว่างเก้าอี้ทรงสูง และโซฟาไว้ในจุดต่าง ๆ อย่างสวยงามส่วนเมนูอาหารของร้านเน้นประเภทอาหารยุโรป และอาหารสัญชาติไทย ๆ ให้บริการพร้อมเครื่องดื่มหลายชนิดอีกด้วย ส่วนเมนูเครื่องดื่มยอดฮิตของร้านก็คือ กาแฟ, เครื่องดื่มค็อกเทล และไวน์ เป็นต้น

           บริการ : สอบถามโดยตรงจากร้าน 
           เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น.
           ที่อยู่ : G Floor แอชตัน คอนโดมิเนียม สุขุมวิทซอย 38 (BTS ทองหล่อ) กรุงเทพฯ
           โทรศัพท์ : 02 187 4949
           เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก The Bookshop


                6. Think Tank
ร้านกาแฟธรรมดา ที่เกิดจากความตั้งใจของเจ้าของร้าน ที่เน้นให้เป็นเหมือนศูนย์รวมความรู้ พร้อมทั้งเป็นพื้นที่ อิสระสำหรับจัดกิจกรรม นิทรรศการ และยังเป็นศูนย์รวมโครงการต่าง ๆ เพื่อคืนกำไรให้แก่สังคมอีกด้วย เช่น การรับบริจาคหนังสือ, รับบริจาคฝาปิดกระป๋อง สำหรับทำขาเทียม เป็นต้น  แถมทางร้านยังมุ่งเน้นการต้อนรับ ทั้งคนทำงาน กลุ่มนักศึกษา ที่จะมาผ่อนคลายด้วยการนั่งจิบกาแฟ, อ่านหนังสือ, ทำงาน ได้อีกด้วย โดยภายในร้านแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน ได้แก่ โซน Out of the box สำหรับจัดนิทรรศการ หรืองานแสดงต่าง ๆ และโซนคาเฟ่ตรงกลาง สำหรับนั่งเล่นพูดคุย ทานอาหารอร่อย ๆ ซึ่งมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบ โดดเด่นด้วยโซนห้องสมุด สำหรับนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อีกด้วยส่วน สำหรับเครื่องดื่ม ได้แก่ กาแฟสดทั้งร้อนและเย็น, DIY Fresh Yogurt, Blue Hawaii ทานคู่กับเมนูขนมหวาน เช่น Homemade Waffle, Apple Tart, Chocolate Fudge Cake เป็นต้น

           บริการ : Free Wifi และสามารถเสียบปลั๊กไฟได้ทุกจุดของร้าน
           เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
           ที่อยู่ : 9 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ
           โทรศัพท์ : 08 6784 9384
           เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Think Tank (third place)
 7. Creative and Meeting Place

ร้านกาแฟขนาดใหญ่ ตัวร้านโดดเด่นเพราะตั้งอยู่ใจกลางห้างเมย่า ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ CAMP ของจังหวัดเชียงใหม่  โดยทางร้านมีความตั้งใจในการเปิดร้านกาแฟในรูปแบบของห้องสมุด เพื่อใช้เป็นจุดนัดพบของนักสร้างสรรค์ ซึ่งตัวร้านมีความแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ที่นอกจากความกว้างแล้ว ยังมีการใช้โทนสีตกแต่งให้มีความแตกต่างทั้งสีขาวและสีครีมให้ดูแล้วสบายตา มีการแบ่งพื้นที่ภายในร้านได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นร้านกาแฟที่สามารถรองรับผู้ที่เข้ามานั่งได้จำนวนมากอีกด้วย แถมที่นั่งเรียบง่ายด้วยเบาะรองนั่ง ที่จะวางอ่านหนังสือตามชั้นหรือจะนั่งจับกลุ่มอ่านหนังสือก็ทำได้ แต่ถ้าใครที่ต้องใช้เสียง เช่น การนัดพบปะเพื่อนฝูงหรือคุยงาน ทางร้านก็มีห้องสำหรับสังสรรค์เช่นกัน ส่วนเมนูแนะนำของร้านเป็นเครื่องดื่มทั้งแบบร้อนและเย็น พร้อมด้วยขนมหวานนานาชนิด รวมทั้งเมนูอาหารจานเดียวก็มีให้เลือกเช่นกัน

           บริการ : Free Wifi        
           เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง
           ที่อยู่ : ถนนห้วยแก้ว (อยู่ในศูนย์การค้า MAYA ชั้น5 หน้าโรงหนัง SF) MAYA อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
           โทรศัพท์ : 0 5208 1555
           เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก maya.chiangmai
                8. ร้านหนังสือเฟื่องนคร

ร้านกาแฟที่เปิดให้บริการอย่างยาวนานหลายปี แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ของร้าน คือ "กาแฟดีและมีหนังสือขาย" สำหรับแนวคิดในการจัดตั้งร้านของเจ้าของนั้น มาจากความต้องการที่อยากจะสร้างร้านหนังสืออิสระ เหมือนกับร้านหนังสืออีกหลายจังหวัด ภายในร้านจึงมีประเภทหนังสือที่หลากหลายแนวไม่ซ้ำกับร้านทั่วไป ส่วนการตกแต่งภายในร้านจะออกแบบเรียบง่าย ด้วยชั้นหนังสือเรียงรายอยู่รอบร้าน ด้านหน้าร้านใช้กระจกบานใหญ่เพื่อรับแสงจากภายนอกร้านได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากเมนูเครื่องดื่มอย่างชา กาแฟ และน้ำผลไม้ปั่นแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูเคียงคู่เครื่องดื่มให้บริการทั้งขนมหวานและ ขนมเค้กให้เลือกอีกมากมายอีกด้วย

          บริการ : สอบถามโดยตรงจากร้าน 
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-19.30 และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-19.30 น.
          ที่อยู่ : ถนนมหาดไทย อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
          โทรศัพท์ : 08 8073 8867,
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Fueang Nakhon Books (ร้านหนังสือเฟื่องนคร)

9. Cafe Courtyard
ร้านกาแฟที่เน้นการออกแบบให้มีพื้นที่ขนาดกว้าง รายล้อมรอบตัวร้านด้วยพื้นที่สวนสวยสีเขียว ให้ความรู้สึกสดชื่น เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับมานั่งชิลอ่านหนังสือ จิบกาแฟ หรือจะทำงานไปพลางจิบชาหอม ๆ ไป ภายในร้านแบ่งโซนที่นั่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนนอกร้าน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศสบาย ๆ มองวิวสวยรอบร้าน และอีกโซนสำหรับผู้ที่ชอบแอร์เย็นฉ่ำ นั่งทานกาแฟหอมกรุ่นคู่กับขนมหวาน สำหรับเมนูเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้ คือ ลาเต้เย็น, คาราเมลนมสด, เอสเพรสโซ่, คาปูชิโน่, มอคค่า, อเมริกาโน่, นมร้อน และขนมหวานอย่างบานอฟฟี่, ทีรามิสุชาเขียว และขนมปังปิ้ง เป็นต้น

          บริการ : Free WiFi
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการวันอังคาร-จันทร์ เวลา 09.00-20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
          ที่อยู่ : 478/11 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
          โทรศัพท์ : 09 1667 8180
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Cafe Courtyard
                10. ร้านหนังสือก็องดิด
ร้านกาแฟที่เน้นบรรยากาศเงียบสงบ ด้วยการตกแต่งที่เรียบง่ายในสไตล์โกดังเก่า มีเพดานสูงเป็นห้องโล่ง ซึ่งภายในร้านจะไม่มีการตกแต่งมากนัก แต่บริเวณผนังร้านก็ยังคงเต็มไปด้วยชั้นหนังสือทั้งใหม่และเก่าวางเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับจุดเด่นของร้าน คือ มีการคัดสรรหนังสือที่เหมาะกับร้าน รวมทั้งมีการให้บริการแนะนำหนังสือที่สนใจสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีบริการเครื่องดื่มและเมนูของหวานรสชาติเยี่ยมด้วย

          บริการ : Free WiFi        
          เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น.
          ที่อยู่ : 41/1 อาคาร โครงการ The Jam Factory ถนนเจริญนคร แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
          โทรศัพท์ : 0 2861 0967
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก CandideBooks
11. My Café the Library

ร้านอาหารในห้องสมุดบนถนนเกษตร-นวมินทร์ โดยรวมทั้งสองอย่างเอาไว้ในร้านเดียวได้อย่างงตัว โดดเด่นด้วยหนังสือเก่าและใหม่ รวมทั้งหนังสือหายากว่า 200 เล่ม โดยร้านนี้เป็นร้านที่ต่อยอดมาจาก My Cafe ในโรงแรม My Hotel เน้นการตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ The Simply Stylish แต่ร้านนี้ตกแต่งในสไตล์ผสมผสานระหว่างร้านอาหารในห้องสมุด โดยบริเวณโดยรอบของร้านจะตกแต่งด้วยชั้นหนังสือขนาดใหญ่ ซึ่งที่นี่แบ่งตัวร้านออกเป็น 2 ส่วน คือ ชั้นล่างและชั้นลอยที่เต็มไปด้วยหนังสือเช่นกัน แถมยังมีบริการรับซื้อ-ขาย-แลก-เปลี่ยน และรับซ่อมหนังสือเก่าอีกด้วย สำหรับเมนูแนะนำของร้าน ได้แก่ กาแฟสด, เค้ก และน้ำผลไม้สมูทตี้ นอกจากนี้ ยังมีบริการเมนูอาหารจานเดียวให้เลือกมากมายเช่นกัน

        บริการ : Free WiFi
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
        ที่อยู่ : ชั้น 1 อาคารนวมินทร์ซิตี้อเวนิว ถนนเกษตร-นวมินทร์ แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯโทรศัพท์ : 0 2907 2220
        เว็บไซต์ : mycafethailand.com และ เฟซบุ๊ก mycafe thailand
12. Study Room Cafe

ร้านกาแฟสบาย ๆ ที่เกิดจากความตั้งใจของเจ้าของร้าน ที่อยากมีร้านกาแฟน่านั่ง แอร์เย็น ๆ สบาย ๆ พร้อมทั้งมีเครื่องดื่มอร่อย ๆ ทำให้ร้าน Study Room Café จึงมีบรรยากาศสบาย ๆ เหมาะสำหรับนั่งพูดคุย หรือเป็นสถานที่เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานได้เป็นอย่างดี ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจ เป็นบ้านไม้สีขาวดัดแปลงมาเป็นร้านกาแฟ โดยสามารถเลือกนั่งพักผ่อนได้ทั้งชั้นบน ชั้นล่าง และสนามหน้าบ้าน แถมยังมีห้องส่วนตัวในชื่อ "ห้องต้องประสงค์" ในการเช่าประชุมหรือติวหนังสือได้อีกด้วย รวมทั้งมีการ Work Shop ในหัวข้อและเทคนิคต่าง ๆ สำหรับผู้สนใจอีกด้วย สำหรับเมนูภายในร้านมีทั้งเมนู กาแฟ, Caramel Macchiato, Caramel Latte, Mocha และน้ำผลไม้ปั่น คู่กับของหวานอย่างเค้ก Honey Butter Toast และ Yummy Toast รวมทั้งมีเมนูอาหารจานเดียว สำหรับทานง่าย ๆ ไว้บริการในระหว่างนั่งพักผ่อนกับการอ่านหนังสือ หรือทำงานอีกด้วย

         บริการ : Free Wifi และสามารถเสียบปลั๊กไฟได้ทุกจุดของร้าน
         เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.0 -23.00 น.
         ที่อยู่ : Study Room Cafe Free Education (สาขา 1) ชั้น 2 The Vue Bangkok ติดกับ the River Condo ปากซอยเจริญนคร 13 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 09 2267 0785 และ Study Room Cafe Free Education (สาขา 2) 643/14 ประชาอุทิศ 47 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 09 2267 0785
         เว็บไซต์ : studyroomcafe.com และ เฟซบุ๊ก Study Room Cafe
                13. ร้านสุนทรภู่



ร้านหนังสือขนาดกลางตั้งอยู่ภายในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ถือเป็นร้านหนังสือที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย มีที่นั่งเล็ก ๆ สำหรับนั่งอ่านก่อนตัดสินใจซื้ออีกด้วย ภายในร้านตกแต่งในโทนสีฟ้าตัดกับชั้นวางหนังสือสีน้ำตาล และกรอบรูปภาพต่าง ๆ รายล้อมร้านด้วยกระจกให้สามารถชมวิวโดยรอบของร้านได้ ส่วนเครื่องดื่มของร้านสั่งจากเคาน์เตอร์เล็ก ๆ บริเวณทางเข้าร้าน แต่พร้อมไปด้วยเมนูเครื่องดื่มและของหวานที่หลากหลายให้เลือกอีกด้วย

         บริการ : สอบถามโดยตรงจากร้าน 
         เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.
         ที่อยู่ : 38/1 ถนนโพธิ์ทอง เทศบาลเมืองแกลง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
         โทรศัพท์ : 08 6405 6502
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ร้านสุนทรภู่ ร้านหนังสือเล็กๆ ที่บ้านเกิด 1 อ.แกลง จ.ระยอง
                14. ร้านหนังสือบางหลวง

ที่นี่ถือเป็นร้านของศิลปินท้ายคลองบางหลวง เป็นร้านหนังสือที่ดัดแปลงมาจากบ้านไม้สองชั้นริมคลองบางหลวง ซึ่งเป็นสายน้ำแห่งวัฒนธรรม วิถีชีวิต รวมทั้งการท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยทางร้านภายในร้านเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ นวนิยาย หลากหลายแนว ต่าง ๆ โดยให้ผู้ที่เข้าไปใช้บริการและเลือกอ่านหนังสือได้ตามความชอบ ซึ่งบริเวณชั้นสองของร้านจะมีการจัดแสดงเป็นแกลเลอรีรูปภาพต่าง ๆ ของเจ้าร้านอีกด้วย สำหรับเมนูเครื่องดื่มของร้าน ได้แก่ กาแฟสดร้อน-เย็น พร้อมด้วยเมนูเบเกอรี่หลายอย่างให้เลือกอีกด้วย

        บริการ : สอบถามโดยตรงจากร้าน 
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการ วันจันทร์-อังคาร เวลา 10.00-18.00 น., วันพุธ-ศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น.
        ที่อยู่ : 315 วัดทองศาลางาม ซอยเพชรเกษม 28 ถนนเพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
        เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ร้านหนังสือบางหลวง-ร้านหนังสือเล็กๆ-ที่บ้านเกิด-3-ภาษีเจริญ-กรุงเทพฯ
15. ร้านหนังสือเชียงดาว
ร้านหนังสือที่สร้างขึ้นภายใต้แนวความคิดที่ว่า "ร้านหนังสือที่เป็นมากกว่าหนังสือ" เพราะที่นี่ออกแบบให้เหมาะสำหรับการพักผ่อน ด้วยการดัดแปลงมาจากบ้านหลังเก่าปรับปรุงและกลายเป็นร้านหนังสือดังเช่นในปัจจุบัน แถมหลายคนยังใช้เป็นจุดนัดพบ พูดคุยสนทนา เป็นจุดแวะพักสำหรับนักเดินทาง อีกทั้งยังเป็นแหล่งชุมนุมนักฝันเลยก็ว่าได้ ซึ่งที่นี่ได้รวบรวมเอาหนังสือดี ๆ จำนวนมากให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้ลองหยิบมาอ่านกัน นอกจากนี้ ยังมีบริการเครื่องดื่มอย่างกาแฟ, ชา และน้ำผลไม้ตามฤดูกาลต่าง ๆ แถมยังมีเมนูของหวานแสนอร่อยอย่างเครปมะม่วง, วนิลาซอส และโฮมเมดเบเกอรีไว้คอยบริการ

        บริการ : สอบถามโดยตรงจากร้าน 
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.00-20.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)
        ที่อยู่ : 190/4 หมู่ 4 บ้านวังจ๊อบ ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
        โทรศัพท์ : 08 1111 3693
        เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ร้านหนังสือเชียงดาว ร้านหนังสือเล็กๆ ที่บ้านเกิด 2 อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
                16. ฟิลาเดลเฟีย ร้านหนังสือในสวนดอกไม้

ถือเป็นร้านหนังสือในสวนดอกไม้ ที่เป็นที่รู้จักของเหล่านักอ่านในจังหวัดอุบลราชธานีเป็นอย่างดี เพราะเป็นร้านหนังสืออิสระเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งเจ้าของร้านก็เป็นนักเขียนและนักแปลหนังสือ ร้านนี้ก็เลยถูกออกแบบให้เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับนักเขียนและนักอ่านช่างฝันได้เป็นอย่างดี ในส่วนของตัวร้านออกแบบอย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบที่โดดเด่นของตัวอาคารสีเหลือง พร้อมด้วยการตกแต่งบริเวณโดยรอบให้เป็นสวนดอกไม้สุดน่ารัก ภายในแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นร้านหนังสือ สำหรับนักจิบ กาแฟ, ชา หรือนม ส่วนชั้นบนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจัดเป็นแกลเลอรีแสดงงานศิลปะและส่วนที่สองจัดเป็นห้องพัก สำหรับนักเดินทางที่ต้องการมาพักผ่อน

        บริการ : สอบถามโดยตรงจากร้าน
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.30 น.
        ที่อยู่ : กิโลเมตรที่ 12 ถนนวาริน-เดชอุดม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
        โทรศัพท์ : 08 7650 9120
        เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ฟิลาเดลเฟีย ร้านหนังสือในสวนดอกไม้
17. Into the Woods Cafe’

ร้านกาแฟที่ตกแต่งในสไตล์ Fairy Tales จนขึ้นได้รับสมญานามว่า "ร้านกาแฟแห่งเทพนิยาย" เลยก็ว่าได้ และมุมหนังสือชนิดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มจิตนาการ ให้เหมือนอยู่ภายในเทพนิยาย เพราะคำว่า Into the Woods หมายถึงชื่อตัวละครจากนิยายของการ์ตูนที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ เช่น หนูน้อยหมอกแดง, ราพันเซล, แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ และซินเดอเรลล่า เป็นต้น ทางร้านจึงนำคอนเซ็ปต์นิยายมาตกแต่งร้าน ภายในร้านโดดเด่นด้วยเสาต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสาขางอกออกมา แถมบริเวณผนังร้านยังมีการเพ้นท์รูปป่า และตัวละครจากนิยายอีกด้วย สำหรับเมนูเครื่องดื่มของร้าน มีทั้งกาแฟทั้งร้อนและเย็น Roll Cakes, Coffee Jelly, Iced Into the Woods เป็นต้น รวมทั้งมีเมนูอาหาร และเบเกอรี่ ขนม เค้ก สำหรับเลือกทานคู่เมนูอาหารได้อีกด้วย

         บริการ : Free Wifi
         เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันเวลา 09.00-21.00 น.
         ที่อยู่ : 191-193 ถนนพระปกเกล้า ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
         โทรศัพท์ : 0 5321 8101
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก intothewoodscafe
                18. House of Commons-Cafe & Space

ถือเป็นอีกหนึ่งที่ลงตัวสุด ๆ ระหว่างร้านกาแฟและร้านหนังสือ ที่ตกแต่งให้คล้ายพิพิธภัณฑ์ ภายใต้แนวความคิดที่ว่า "พูดคุย เปิดพื้นที่ จัดกิจกรรม สร้างจังหวะ การตกแต่งที่เปลี่ยนได้ไม่มีเบื่อ" รวมทั้งยังเป็นร้านที่ตอบสนองความต้องการได้หลายรูปแบบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบดู และชอบสร้างสรรค์ รวมทั้งเป็นเวทีแสดงความสามารถ โชว์เคสงาน พร้อมด้วยกิจกรรมอื่น ๆ ฉายภาพยนตร์, ละครเวที, เสวนา, ขับจักรยาน รวมทั้งยังรับจัดอบรมและอื่น ๆ แถมยังมีเมนูอาหาร เครื่องดื่ม และของหวานให้บริการอีกด้วย

         บริการ : Free Wifi และสามารถเสียบปลั๊กไฟได้ทุกจุดของร้าน
         เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.00-20.00 น.
         ที่อยู่ : ถนนเจริญนคร (อยู่ระหว่างเจริญนคร 20 กับ 22 ตรงข้ามปั๊มเชลล์ ห่างจาก BTS กรุงธนบุรี 700 เมตร) เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
         โทรศัพท์ : 08 2983 8099           
         เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก House of Commons - Cafe & Space
19. Montra Cafe and Gallery


ร้านกาแฟสุดเก๋ ๆ ตั้งอยู่ย่านถนนสีลมใจกลางธุรกิจเดินทางไปได้สะดวกสบาย เพราะตั้งอยู่ใกล้ทั้ง BTS และ MRT ภายในร้านตกแต่งในสไตล์เทพนิยายในโทนสีม่วง เหมาะสำหรับใช้เป็นจุดนัดพบเพื่อน ๆ ส่วนภายในร้านเน้นการตกแต่งด้วยโซฟาสีสันต่าง ๆ แต่ถ้าใครที่ชอบการถ่ายภาพที่นี่ก็มีจัดแกลเลอรีงานศิลป์ ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม สำหรับเมนูแนะนำของร้านส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องดื่มประเภทกาแฟ ซึ่งเป็น Arabica 100% นำเข้าจากประเทศเอธิโอเปียรับรองได้ว่าอร่อยหอมกรุ่นติดจมูกแน่นอน

        บริการ : Free Wifi
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
        ที่อยู่ : 56 อาคารญาดา ชั้น 1 ติดธนาคารทหารไทย(สีลม) แขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ
        โทรศัพท์ : 0 2652 4462
        เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Montra Cafe' & Gallery
                20. HUBBA 
และร้านสุดท้ายที่เราจะแนะนำ คือ HUBBA Thailand ซึ่งไม่ใช่ร้านกาแฟแต่เป็นสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า Coworking space เป็นการแชร์พื้นที่การทำงานร่วมกัน เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง หรือ Freelance ที่ต้องการทำงานในสถานที่ที่พร้อมและบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำงาน พบปะผู้คนและแรงกระตุ้นใหม่ ๆ มีค่าบริการทั้งแบบรายวัน 260 บาท/คน และรายเดือน 4,650 บาท/คน โดยฮับบาจะให้บริการในเรื่องของโต๊ะเก้าอี้ที่นั่งสบาย สัญญาณไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์สำนักงาน (เครื่องถ่ายเอกสาร แฟกซ์ สแกน พริ้นท์เอกสาร) น้ำ ชา กาแฟ และขนมทานเล่น ที่สามารถบริการตัวเองได้ในบริเวณ Pantry ห้องประชุม และกิจกรรม เช่น Community event กิจกรรมภายในที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ของสมาชิกฮับบา, Meetup งานพบปะและแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ ๆ ของคนในหลาย ๆ วงการ หลาย ๆ หัวข้อ และ workshop ที่สลับสับเปลี่ยนกันไปในหัวข้อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยี การตลาด การพัฒนาตนเอง การเสริมสร้างสร้างความรู้และทักษะใหม่ ๆ

        บริการ : Hi-speed Internet และสามารถเสียบปลั๊กไฟได้ทุกจุดของร้าน
        เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น.
        ที่อยู่ : ซอยเอกมัย 4 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
        โทรศัพท์ : 0 2714 3388
        เว็บไซต์ : hubbathailand.com และ เฟซบุ๊ก hubbathailand

         เป็นอย่างไรบ้างกับร้านกาแฟสุดเจ๋งที่เรานำมาฝากกัน น่าจะเป็นตัวเลือกที่ลงตัวสุด ๆ สำหรับเพื่อนที่กำลังมาหาพื้นที่สำหรับนั่งจิบกาแฟในวันว่างไปกับการอ่านหนังสือได้เป็นอย่างดี

ที่มา : http://travel.kapook.com/view85783.html