http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/1201104/Unit_3/Unit_1_01_6.htm
ภาษาคอมพิวเตอร์
(Computer
Languages)
เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง
ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งสามารถที่จะประมวลผลงานได้หลาย ๆ คำสั่งและรวดเร็วกว่ามนุษย์มาก
การที่จะให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ก็จะต้องป้อนคำสั่งให้มันและคำสั่ง นั้นจะต้องเป็นคำสั่งที่คอมพิวเตอร์เข้าใจด้วย
ซึ่งคำสั่งเหล่านั้น เราเรียกว่า ภาษาโปรแกรม เมื่อโปรแกรมถูกป้อนเขาไปในเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องจะทำงานทีละคำสั่งภาษาที่คอมพิวเตอร์ เรียกว่า ภาษาเครื่อง (Machine Language) ซึ้งเป็นเลขฐานสองและจะถูกแปลงเป็นสัญญาณทางไฟฟ้า
ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรม
ภาษา BASIC
เป็นภาษาที่ใช้ง่าย
และติดตั้งอยู่บนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนมาก
ใช้สำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาการเขียนโปรแกรมและผู้ที่เขียนโปรแกรมเป็นงานอดิเรก
นิยมใช้ในการเขียนโปรแกรมสั้น ๆ ภาษา BASIC รุ่นแรกใช้ interpreter เป็นตัวแปลภาษา ทำให้เขียนโปรแกรม ทดสอบ และแก้ไขโปรแกรมได้ง่าย
ภาษา Pascal
เป็นภาษาระดับสูงที่เอื้ออำนวยให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนโปรแกรมได้อย่างมีโครงสร้าง
และเขียนโปรแกรมได้ง่ายกว่าภาษาอื่น นิยมใช้บนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
เป็นภาษาสำหรับการเรียนการสอน และการเขียนโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ
ภาษา C
และ C++ ภาษา C ถูกพัฒนาขึ้นโดย
ในปีค.ศ. 1972 ที่ห้องปฏิบัติการเบลล์ของบริษัท AT&T เป็นภาษาที่ใช้เขียนระบบปฏิบัติการ
UNIX ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมคู่กับภาษาซี
และมีการใช้งานอยู่ในเครื่องทุกระดับ ภาษา
เป็นภาษาระดับสูงที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเขียนโปรแกรมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากภาษา
จะเป็นภาษาที่รวมเอกข้อดีของภาษาระดับสูงในเรื่องของความยืดหยุ่นและไวยากรณ์ที่ง่ายต่อการเข้าใจ
http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/1201104/Unit_3/Unit_1_01_2.htm
JAVA
ภาษาใหม่ที่มาแรงที่สุดในปัจจุบัน
คงจะไม่มีภาษาไหนที่เทียบได้รับภาษาจาวาซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัทซันไมโครซิสเตมส์
ในปี 1991 โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างผลิตภัณฑ์อิเล็คทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่ง่ายต่อการใช้ง่าย
มีค่าใช้จ่ายต่ำ ไม่มีข้อผิดพลาด และสามารถใช้กับเครื่องใด ๆ ก็ได้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นข้อดีของจาวาที่เหนื่อกว่าภาษาอื่น ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นด้วยจาวาสามารถนำไปใช้กับเครื่องต่าง
ๆ โดยไม่ต้องทำการคอมไพล์โปรแกรมใหม่
ทำให้ไม่จำกัดอยู่กับเครื่องหรือโอเอสตัวใดตัวหนึ่ง
แม้ว่าการใช้งานจาวาในช่วงแรกจะจำกัดอยู่กับ World Wide Web (WWW) และ Internet
แต่ในปัจจุบันได้มีการนำจาวาไปประยุกต์ใช้กับงานด้านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ
อย่างมากมาย
เราได้รู้จักคำว่า ภาษาคอมพิวเตอร์ และรู้ว่าภาษาคอมพิวเตอร์ใช้พัฒนาโปรแกรมอะไรบ้างแล้ว
วันนี้เราก็จะมารู้จักโปรแกรม Java ซึ่งเป็นโปรมแกรมที่เราไม่ค่อยได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
แต่เราจะมาดูว่ามัน คืออะไร และมีไว้ใช้เพื่ออะไร
Java
คืออะไร
Java หรือ Java programming
language คือภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ พัฒนาโดย เจมส์ กอสลิง
และวิศวกรคนอื่นๆ ที่บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์
ภาษานี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนภาษาซีพลัสพลัส C++ โดยรูปแบบที่เพิ่มเติมขึ้นคล้ายกับภาษาอ็อบเจกต์ทีฟซี
(Objective-C) แต่เดิมภาษานี้เรียกว่า ภาษาโอ๊ก (Oak)
ซึ่งตั้งชื่อตามต้นโอ๊กใกล้ที่ทำงานของ เจมส์ กอสลิง
แล้วภายหลังจึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อ “จาวา” ซึ่งเป็นชื่อกาแฟแทน จุดเด่นของภาษา Java อยู่ที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถใช้หลักการของ
Object-Oriented Programming มาพัฒนาโปรแกรมของตนด้วย Java
ได้
ภาษา
Java เป็นภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ( OOP
: Object-Oriented Programming) โปรแกรมที่เขียนขึ้นถูกสร้างภายในคลาส
ดังนั้นคลาสคือที่เก็บเมทอด (Method) หรือพฤติกรรม (Behavior)
ซึ่งมีสถานะ (State) และรูปพรรณ (Identity)
ประจำพฤติกรรม (Behavior)
http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/1201104/Unit_3/Unit_1_01_2.htm
การโปรแกรมเชิงวัตถุ
(OOP = Object-Oriented
Programming)
การเขียนโปรแกรมที่ประกอบด้วยกลุ่มของวัตถุ(Objects) แต่ละวัตถุจะจัดเป็นกลุ่มในรูปของคลาส
ซึ่งแต่ละคลาสอาจมีคุณสมบัติ การปกป้อง (Encapsulation) การสืบทอด
(Inheritance) การพ้องรูป (Polymorphism)
แนวคิดของการโปรแกรมเชิงวัตถุ
(OOP
Concepts)
1. การปกป้อง (Encapsulation)
– การรวมกลุ่มของข้อมูล และกลุ่มของโปรแกรม เพื่อการปกป้อง และเลือกตอบสนอง
2. การสืบทอด (Inheritance)
– ยอมให้นำไปใช้ หรือเขียนขึ้นมาทดแทนของเดิม
3. การพ้องรูป (Polymorphism) = Many
Shapes
–
Overloading มีชื่อโปรแกรมเดียวกัน แต่รายการตัวแปร (Parameter
List) ต่างกัน
–
Overriding มีชื่อโปรแกรม และตัวแปรเหมือนกัน เพื่อเขียน behavior
ขึ้นมาใหม่
คุณลักษณะเด่นของภาษา
Java
– ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์
– โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java
จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน
ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
– เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code
น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ถึง 4 เท่า และใช้เวลาในการเขียนโปรแกรม น้อยกว่าประมาณ 2
เท่า
– Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access
control และ certificatesของภาษาจาวา
จุดเด่นของภาษาจาวา
– ความง่าย (simple)
– ภาษาเชิงออปเจ็ค (object
oriented)
– การกระจาย (distributed)
– การป้อ้องกันการผิดพลาด (robust)
– ความปลอดภัย (secure)
– สถาปัตัตยกรรมกลาง (architecture
neutral)
– เคลื่อนย้ายง่าย (portable)
– อินเตอร์พ์พรีต (interpreted)
– ประสิทธิภาพสูง (high
performance)
– มัลติเธรด (multithreaded)
– พลวัต (dynamic)
http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/1201104/Unit_3/Unit_1_01_3.htm
ข้อดีของ
ภาษา Java
- ภาษา
Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์
ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน
การพัฒนาโปรแกรมแบบวัตถุจะช่วยให้เราสามารถใช้คำหรือชื่อ ต่าง ๆ
ที่มีอยู่ในระบบงานนั้นมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมได้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
- โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา
Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน
ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
-ภาษาจาวามีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ
runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรม
และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย
- ภาษาจาวามีความซับซ้อนน้อยกว่าภาษา C++ เมื่อเปรียบเทียบ
code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++
ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น
- ภาษาจาวาถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงตั้งแต่แรก
ทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยจาวามีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้น
ด้วยภาษาอื่น เพราะ Java
มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature,
public andprivate key management, access control และ certificatesของ
-มี IDE, application server, และ library
ต่าง ๆ มากมายสำหรับจาวาที่เราสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อ tool และ
s/w ต่าง ๆ
http://www.mindphp.com/
ข้อเสียของ
ภาษา Java
-ทำงานได้ช้ากว่า native code (โปรแกรมที่
compile ให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่อง) หรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น
อย่างเช่น C หรือ C++ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวาจะถูกแปลงเป็นภาษากลาง
ก่อน แล้วเมื่อโปรแกรมทำงานคำสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาเครื่องอีก
ทีหนึ่ง ทีล่ะคำสั่ง (หรือกลุ่มของคำสั่ง) ณ runtime ทำให้ทำงานช้ากว่า
native code ซึ่งอยู่ในรูปของภาษาเครื่องแล้วตั้งแต่ compile โปรแกรมที่ต้องการความเร็วในการทำงานจึงไม่นิยมเขียนด้วยจาวา
-tool ที่มีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวามักไม่ค่อยเก่ง
ทำให้หลายอย่างโปรแกรมเมอร์จะต้องเป็นคนทำเอง ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานในส่วนที่ tool
ทำไม่ได้ ถ้าเราดู tool ของ MS จะใช้งานได้ง่ายกว่า และพัฒนาได้เร็วกว่า (แต่เราต้องซื้อ tool ของ MS และก็ต้องรันบน platform ของ MS)
http://www.netc.ac.th/wp-content/uploads/2013/06/I_am_a_Programmer.png
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น